ไม่อยากพลาดsbobetทีเด็ดและการวิเคราะห์บอลโลก 2018 รวมถึงการอัพเดตฟุตบอลโลก 2018ติดตามที่นี่ที่เดียว
ถือเป็นความแปลกใหม่ไม่น้อยสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2018 เมื่อองค์กรลูกหนังระหว่างประเทศมติเป็นเอกฉันท์รับรองให้ใช้เทคโนโลยี VAR ในศึกฟุตบอลโลก 2018 และทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ขึ้นมากมาย แต่ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายทั้งข้อดีและข้อเสีย
เรื่องราวของการนำ VAR มาเริ่มใช้ในฟุตบอลโลก 2018 เกิดขึ้นเมื่อ IFAB องค์กรลูกหนังระหว่างประเทศที่มีหน้าที่ร่างกฎกติกาในเกมฟุตบอลมีมติเป็นเอกฉันท์รับรองให้ใช้เคโนโลยี VAR หรือวิดีโอช่วยผู้ตัดสินในศึกฟุตบอลโลก 2018
โดยการประชุมใหญ่ประจำปีของ IFAB ครั้งที่ 132 ที่เมืองซูริคประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 3 มีนาคม 2018 ซึ่งมี จิอันนา อินฟาติโน ประธานฟีฟ่าเข้าร่วมประชุมด้วย มีมติเป็นเอกฉันท์จากที่ประชุมรับรองการใช้ VAR ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
สำหรับฟุตบอลโลก 2018 ทำลายสถิติมีการให้จุดโทษมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ฟุตบอลโลก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเกิดขึ้นตั้งแต่เกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกที่โปรตุเกส เสมออิหร่าน 1-1 จาก 2 จุดโทษที่เกิดขึ้นเกมนี้ทำให้ ฟุตยบอลโลก 2018 มีจุดโทษเกิดขึ้นแล้วถึง 20 ครั้ง ทำลายสถิติเดิมที่เกิดขึ้น 18 ครั้ง ในศึก ฟุตบอลโลก ปี 1990, 1998 และ 2002
จากจุดโทษที่เกิดขึ้น 20 ครั้งใน ฟุตบอลโลก หนนี้ มีถึง 10 ครั้งที่มาจากการตัดสินโดยใช้ วิดีโอช่วยการตัดสิน หรือ VAR เรียกได้ว่า “VAR เอฟเฟ็กต์” จริงๆ แถมนี่ยังแข่งรอบแบ่งกลุ่มยังไม่ครบ รับรองว่า ฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย ปีนี้ มีการแจกจุดโทษกระจายอย่างแน่นอน
ประเด็นนี้ทำให้หลายๆ จังหวะในการตัดสินให้จุดโทษชัดเจนมากขึ้น และทำให้หลายจังหวะโปร่งใสมากขึ้นและลดเสียงครหาจากแฟนฟุตบอลทั่วโลก กว่าศึกฟุตบอลหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ ก็เพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเกิดลูกจุดโทษในเกมรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ระหว่างฝรั่งเศส กับโครเอเชีย ในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมตราไก่ ขึ้นนำ 2-1 และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 และคว้าแชมป์โลกในที่สุด
หลังจบเกม เดอร์มอท กัลลาเกอร์ อดีตผู้ตัดสิน พรีเมียร์ลีก ชี้ชัดว่า จังหวะนี้ฝรั่งเศสไม่สมควรได้จุดโทษ 100 เปอร์เซ็น เมื่อ อิวาน เปริซิช ทำประตูตามตีเสมอ ฝรั่งเศส 1-1 ในช่วงครึ่งเวลาแรก เวิลด์คัพ รอบสุดท้าย
แต่เพียง 10 นาทีถัดมา แขนของ ปีกจาก อินเตอร์ มิลาน ไปโดนลูกฟุตบอลจาก ลูกเตะมุมของ กรีซมันน์ และกลายเป็นจุดโทษ แม้ว่า เนสเตอร์ ปิทาน่า ผู้ตัดสินจะไม่ได้เป่าในตอนแรก แต่ได้รับสัญญาณจาก VAR และตัดสินใจเป็นจุดโทษ ในที่สุด
“ไม่ใช่จุดโทษ 100 เปอร์เซ็น เขาอยู่กลางอากาศแล้วหลังลูกฟุตบอลลอยข้ามหัว กองหน้าฝ่ายตรงข้ามมาหาเขา มันเป็นอุบัติหตุ เขาไม่ได้ขยับแขนไปหาบอล เขาไม่ได้มีเจตนาทำแฮนด์บอล ลองสังเกตที่แขนของเขา มันไม่ได้ผิดแปลกไปจากปกติ มันเป็นไปตามจังหวะของคนที่กระโดดอยู่แล้ว” กัลลาเกอร์ กล่าว
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของบอลโลก 2018
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน