เหตุผลที่ทำให้ ออสเตรีย กลายเป็นทีมน่าสนใจใน ยูโร 2024
ทีมชาติออสเตรีย กลายเป็นทีมสุดเซอร์ไพรส์ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 จากการที่พวกเขามาไกลเกินคาด เนื่องจากก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่มีใครมองว่า ออสเตรีย จะเป็นทีมที่ฝ่าด่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้
กลุ่มของ ออสเตรีย ประกอบด้วยทีมที่เหนือกว่าพวกเขาหลายระดับอย่าง ฝรั่งเศส ทีมเต็งจ๋าศึกลูกหนังยุโรปหนนี้, เนเธอร์แลนด์ อีกหนึ่งทีมที่น่าสนใจภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน และ โปแลนด์ ที่ผู้เล่นดูดีมีศักยภาพมากกว่า
ทว่า ออสเตรีย ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟ รังนิค กลับสร้างเซอร์ไพรส์ ผ่านเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่แค่เข้ารอบแบบเฉียดฉิว แต่เป็นการเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม D!!!
ออสเตรีย ชนะ 2 แพ้ 1 โดยการเก็บชัยชนะเหนือ เนเธอร์แลนด์ ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกในรอบ 34 ปีของ ออสเตรีย ที่เอาชนะ อัศวินสีส้ม ได้ และจุดชนวนให้เกิดการเฉลิมฉลองอย่างดุเดือดในทีมของพวกเขาสร้างความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
“เมื่อคุณเอาชนะเนเธอร์แลนด์และคว้าแชมป์กลุ่มได้ คุณจะไม่แย่ขนาดนั้นหรอก” มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ผู้ทำประตูใส่เนเธอร์แลนด์ของ ออสเตรีย กล่าวกับ ยูฟ่า.ทีวี “การได้เป็นผู้ชนะของกลุ่มในท้ายที่สุดนั้น มันเหลือเชื่อมาก” ราล์ฟ รังนิค ผู้จัดการทีมกล่าวในครั้งนั้น “ความน่าจะเป็นที่ทั้งสองสิ่งจะเกิดขึ้น เราชนะเกมนี้ และในเวลาเดียวกันฝรั่งเศสไม่ชนะ (กับโปแลนด์) ใครก็ตามที่เดิมพันไว้ว่าตอนนี้ ออสเตรีย จะเป็นแชมป์กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ป่านนี้คงร่ำรวยไปแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับฟุตบอล ที่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”
การเปลี่ยนแปลงของออสเตรียที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง ต้องมองย้อนกลับไปได้ถึงการแต่งตั้ง รังนิค ในปี 2022 โค้ชชาวเยอรมันมักได้รับเครดิตในการพัฒนาการเล่นแบบเกเก้นเพรสซิ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบฟุตบอลที่เกี่ยวข้องกับการกดดันฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่หยุดยั้งทันทีหลังจากเสียการครอบครองบอล เขามีอิทธิพลต่อโค้ชอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือลิเวอร์พูล และ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี
วิธีการนี้อาจสร้างความเหนื่อยให้กับผู้เล่นอย่างไม่น่าเชื่อ และทำให้ทีมของ รังนิค อ่อนแอในการป้องกัน แต่ทางกลับกันก็ทำให้คู่แข่งเล่นยากด้วย
ออสเตรียยิงได้ 6 ประตูจาก 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม น้อยกว่าที่ อังกฤษ, เดนมาร์ก, สโลวีเนีย และเซอร์เบีย ที่ยิงรวมกัน 7 ประตูในกลุ่ม ซี เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น
รังนิค เคยคุมทีมต่างๆ ในเยอรมัน เช่น สตุ๊ตการ์ท, ฮันโนเวอร์ และ ชาลเก้ แต่เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากผลงานของเขากับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ของออสเตรีย และ แอร์เบ ไลป์ซิก จากเยอรมัน
ทั้งสองสโมสรอยู่ในกลุ่มบริษัท Red Bull GmbH (RB ไลป์ซิกก่อตั้งในปี 2009 เท่านั้น) โดยรังนิคได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้อำนวยการด้านกีฬาของทั้งสองสโมสรในปี 2012 เขามองเห็นความสำเร็จที่ยาวนานกับ ซัลซ์บวร์ก โดยคว้าแชมป์บุนเดสลีกาออสเตรียหลายครั้ง ในขณะที่เขาดูแลการเลื่อนชั้นของไลป์ซิกจากดิวิชั่น 4 สู่บุนเดสลีกาเยอรมัน
เขาคุมไลป์ซิก 2 หน โดยหนแรกเขาพาทีมเลื่อนชั้นในระดับลีกสูงสุดในปี 2016 ส่วนหนที่สองเขานำทีมเข้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างไรก็ตามตอนคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แต่การมาคุม ออสเตรีย กลายเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของเขาได้อย่างดี
รังนิค เป็นที่รู้จักจากการเล่นที่กดดันคู่แข่งได้ดี ความน่าสนใจคือการเลือกผู้เล่นที่เขาพยายามเลือกทีมที่ประกอบด้วยผู้เล่นที่เคยเล่นให้ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก หรือแอร์เบ ไลป์ซิก ไม่ว่าจะเป็น คอนราด ไลเมอร์, คริสตอฟ บอมการ์ตเนอร์ และกัปตันมาร์เซล ซาบิตเซอร์
ซึ่งรายของ ซาบิตเซอร์ ก็กลายเป็นกุญแจสำคัญพาทีมสร้างผลงานที่น่าจดจำ แต่หากจะพูดถึงนักเตะที่เป็นคีย์แมนของทีมก็ต้องบอกว่า นักเตะของ รังนิค ทุกคนต่างเป็นผู้เล่นสำคัญทั้งหมด เพราะแทคติกของเขาต้องใช้การทำงานเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมจนได้ผลงานเหมือนที่เห็นในศึกถ้วยแชมป์ยุโรป และสำหรับแฟนๆที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ ยูโร 2024 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ยูโร 2024 ผลการแข่งขัน สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน